ในวันที่การ upskill และ reskill เป็นเรื่องสุดสำคัญ คนทำงานหลายคนจึงเลือกเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองควบคู่กับการทำงานไปด้วย
การทำ 2 สิ่งนี้พร้อมกันอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เรามั่นใจว่า สิ่งนี้ไม่ยากเกินกว่าที่คุณจะจัดการแน่นอน
ลองมาดู 10 เทคนิคที่จะช่วยให้เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยได้แบบเวิร์กๆ กัน!
1.หัดจัดการเวลาให้เก่ง
การบริหารเวลาคือหัวใจสำคัญที่สุดในการเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย เพราะหากบริหารเวลาไม่ถูก จัดลำดับความสำคัญผิด การเรียนนั้นจะกระทบกับการทำงานอย่างแน่นอน อีกเรื่องที่สำคัญก็คือการวางแผนสิ่งที่ต้องทำล่วงหน้า และรู้ว่าเรามีเวลาในแต่ละสัปดาห์มากน้อยแค่ไหน ช่วงไหนบ้างที่น่าจะงานหนัก เพราะการเรียนนั้นอาศัยระยะเวลากว่าจะเรียนจบ หากวางแผนไว้ก่อน และจัดลำดับความสำคัญ ก็จะทำให้การเรียนนั้นได้ผล และไม่กระทบกับงาน เช่น หากมีงานวิจัยหรือโปรเจกต์กลุ่มของมหาวิทยาลัย ก็รีบเคลียร์ในส่วนของตัวเองให้เสร็จก่อนเดดไลน์เสมอ เพื่อเผื่อเวลาสำรองไว้ในกรณีที่มีงานด่วนจากงานประจำ
2.หาเวลาและสถานที่เรียนที่เหมาะกับตัวเอง
การเรียนออนไลน์นั้นค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถเรียนที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้ ด้วยความที่ง่ายนี้เองทำให้มีแนวโน้มที่จะผัดวันประกันพรุ่งได้ง่ายไปด้วย เพราะสามารถให้ข้ออ้างว่าค่อยเรียนตอนไหนก็ได้ จนทำให้ลืมและเรียนไม่จบในท้ายที่สุด คำแนะนำก็คือให้ถามตัวเองว่าเวลาไหนที่ดีที่สุดที่สมองของเราพร้อมที่จะเรียน และสภาพแวดล้อมแบบไหนที่กระตุ้นให้เราโฟกัสได้ดี เช่น บางคนจะรู้สึก Productive มากๆในช่วงเช้า ก็ให้ตื่นเช้าสักนิดเพื่อเรียนให้จบหนึ่งบทเรียน ก่อนออกไปทำงาน ในช่วงแรกๆการโฟกัสงานทั้งสองอย่างอาจยากและเหนื่อย ต้องใช้กำลังใจสูง แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ มันจะกลายเป็นความคุ้นชินที่สามารถทำได้ง่ายจนกลายเป็นกิจวัตร
3.แชร์ปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นเรียนออนไลน์
การเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยนั้นอาศัยพลังใจและความอดทนสูงมาก มันย่อมดีกว่าถ้าเรามีกลุ่มเพื่อนร่วมชะตาเดียวกันหรือมีประสบการณ์คล้ายกันคอยให้กำลังใจ แชร์ประสบการณ์ และอาจแบ่งปันเทคนิคการบริหารเวลาให้กัน ซึ่งสำหรับเพื่อนร่วมชั้นเรียนออนไลน์นั้น เราอาจเริ่มต้นพบปะพูดคุยกันได้ในช่องทางสื่อสารอย่าง discussion board และ group email นั่นเอง
4.อย่าให้มีการบ้านค้าง
อุปสรรคอย่างหนึ่งของคนที่ทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย ก็คือเรื่องเดดไลน์ที่กระทบต่อการทำงานอย่างแน่นอน เช่น หากคุณยังทำโปรเจกต์ที่ต้องส่งพรุ่งนี้ไม่เสร็จแล้วต้องติดประชุมกับที่ทำงานด้วย ย่อมเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่รู้จะต้องจัดการอะไรก่อนหลัง เมื่อทั้งสองอย่างสำคัญทั้งคู่ วิธีที่แนะนำก็คือ ต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์งานชนกันให้ได้ รีบจัดการโปรเจกต์หรือ Assignment ที่รับมาให้เสร็จตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่ว่าหากติดงานด่วนหรืองานสำคัญที่ออฟฟิศ ก็จะยังพอมีเวลาให้จัดการได้โดยไม่ต้องกังวลและได้โฟกัสอย่างเต็มที่
5.ทำความเข้าใจกับหัวหน้า
หากติดปัญหาหรือบริหารเวลาไม่ทันจริงๆ วิธีที่ดีที่สุดคือ รับคำปรึกษาและบอกกับเจ้านายตรงๆว่าคุณมีเป้าหมายที่ต้องทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย โดยอาจกำหนดตารางงานและวางแผนเวลาให้เจ้านายเข้าใจ ว่าจะสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จภายในกี่วัน รวมถึงต้องใช้เวลาในการเรียนวันละกี่ชั่วโมง ข้อดีของการพูดตรงๆเช่นนี้ก็คือ เจ้านายของคุณจะเข้าใจหากวันใดที่คุณไม่สามารถอยู่ทำงานจนดึกดื่นได้ ด้วยเหตุผลเพราะคุณต้องรับผิดชอบกับการเรียนด้วยนั่นเอง
6.ไม่ละเลยสุขภาพ
แน่นอนว่าเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยนั้นเป็นสองสิ่งที่ต้องทุ่มเทเวลาและใช้พลังงานสูงมาก แต่อย่าลืมว่าร่างกายและสมองของเราก็มีขีดจำกัด หากใช้งานอย่างไม่หยุดพักเพื่อหวังให้งานออกมาดี ผลก็คือ ร่างกายที่อ่อนล้าและสุขภาพที่แย่ลง ที่จะกระทบกับการทำงานและการเรียนอย่างแน่นอน
หากลงทุนในเวลาเพื่อการเรียนแล้ว ก็อย่าลืมลงทุนในสุขภาพเพื่อการเรียนที่มีประสิทธิภาพที่สุด ด้วยการนอนวันละ 7-9 ชั่วโมง พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงให้ความสำคัญกับการกินและออกกำลังกายก็ช่วยให้ร่างกายกลับมาสดชื่น สมองปรอดโปร่ง พร้อมจะโฟกัสกับการเรียนได้ดียิ่งขึ้น
7.ใช้ประโยชน์จากแหล่งความรู้ของมหาวิทยาลัย
อีกเทคนิคที่ทำให้การเรียนได้ผลและมีประสิทธิภาพ ก็คือการเข้าถึงแหล่งข้อมูลและความรู้ต่างๆที่มหาวิทยาลัยจัดสรรให้ ซึ่งมีประโยชน์มากต่อการเรียนให้จบหลักสูตร รวมถึงอาจเป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการได้ข้อมูลความรู้เพิ่มเติม ซึ่งจะกลายเป็นทักษะติดตัวของการค้นคว้าและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
8.ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ตัดสิ่งรบกวนทิ้ง
เมื่อไหร่ก็ตามที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย กฎเหล็กสำคัญเลยก็คือ การไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เพราะการทำสิ่งต่างๆให้เสร็จขณะที่ยังมีเวลาและสมาธิอยู่นั้น ช่วยให้งานสำเร็จและผลลัพธ์ของงานที่ดีกว่าเสมอ การค้างงานเอาไว้ก่อนแล้วค่อยทำ นอกจากจะเพิ่มงานในอนาคตแล้วยังส่งผลต่อสมาธิของเราที่สั้นลงเรื่อยๆ เพราะจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่ไม่สำคัญ เช่น เช็คอีเมล เล่นโทรศัพท์ หรือเช็ค Social Media ที่ทำให้เสียสมาธิจนไม่ได้ทำงาน คำแนะนำก็คือ หากเริ่มรู้สึกไม่มีสมาธิจดจ่อ ให้หาช่วงเวลาพักเบรคสั้นๆ เพื่อพักสมองและสายตา และเพื่อ Refresh ให้กลับมาโฟกัสได้ดีอีกครั้ง
9.อย่าปล่อยให้แรงบันดาลใจหล่นหาย
บางครั้งก็ถือเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่เลิกงานแล้ว ก็ต้องรีบกลับบ้านมาเรียนต่อตอนค่ำ ในช่วงแรกๆอาจจะยังมีแรงใจที่จะเปิดคอมพิวเตอร์และหนังสือเพื่อเรียนออนไลน์ แต่เมื่อนานไป ไฟก็เริ่มมอดจนหมดแรงใจที่จะเรียนต่อเพราะแค่ทำงานกลับมาก็เหนื่อยแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนยังสามารถเรียนต่อจนจบได้ ก็คือ Passion ที่มากพอ และความกระตือรือร้นที่พวกเขาสามารถรักษามันไว้ได้เสมอเหมือนอย่างวันแรกที่เริ่มเรียน คำแนะนำสำหรับคนที่เริ่มเหนื่อยล้าเพราะการเรียน ก็คือให้จำความรู้สึกของวันแรกที่เรียนเอาไว้เสมอ ในช่วงแรกคือความกระตือรือร้น และต่อมาก็คือความอดทน ที่จะเป็นกำลังใจสำคัญให้เรียนได้ไปตลอดรอดฝั่ง
10.จำไว้ว่า อีกไม่นานก็เรียนจบแล้ว!
การเรียนออนไลน์ไม่ได้ยาวนานไม่รู้จบ ดังนั้น แม้คุณจะพบว่าการเรียนไปด้วย ทำงานเต็มเวลาไปด้วยนั้นท้าทายมากๆ ขอให้ท่องไว้ว่าเดี๋ยวสถานการณ์วุ่นวายนี้จะผ่านไป อีกไม่นานคุณก็จะได้ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำมาครอบครองแล้ว
อ้างอิง :