การเรียนก็เหมือนการเดินทาง ยิ่งเดินทางมายาวไกล ก็ยิ่งมีความเหนื่อยล้าที่สะสมไว้มาก
แถมยังมีอุปสรรคทางกายและใจมากมายที่คอยขัดขวางไม่ให้เราเข้าใกล้จุดหมายปลายทางได้สำเร็จ
โดยเฉพาะอุปสรรคทางใจอย่างความเหนื่อย ท้อ หมดไฟที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่หวัง
แต่ถ้าเกิดเรามีวิธีเพิ่มพลังใจ เติมไฟไม่ให้หมด รับรองว่าการเรียนนั้นจะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
Tuxsa มี 4 วิธีเพิ่มพลังใจให้เราเรียนได้ตามเป้า ที่ได้มาจากการวิจัยเกี่ยวกับแรงจูงใจของมนุษย์มากว่า 20 ปีของ Ayelet Fishbach ศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์และการตลาดแห่ง University of Chicago Booth School of Business ที่วิจัยมาแล้วว่าส่งผลต่อความสำเร็จของมนุษย์ เรามาดูกันว่า วิธีเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง
1. ตั้งเป้าหมายที่คุ้มค่า เป็นรูปธรรม
มีงานวิจัยมากมายที่บอกว่าการตั้งเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมนั้นส่งผลต่อความสำเร็จของมนุษย์ เช่น การศึกษาที่บอกว่าพนักงานขายที่กำหนดเป้ายอดขายไว้อย่างชัดเจนนั้น มีแนวโน้มการปิดการขายได้มากกว่า หรือนักกีฬาที่ตั้งเป้าหมายในการฝึกฝนในแต่ละวัน มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในการแข่งขันมากขึ้น
โดยเคล็ดลับของการตั้งเป้าหมายนั้น นอกจากต้องเป็นเป้าหมายที่คุ้มค่า และเป็นรูปธรรมแล้ว เราอาจจะลองโฟกัสไปที่จุดที่เราสนุกที่สุดในการทำสิ่งนั้น จากการศึกษายังพบว่าคนที่ตั้งเป้าหมายโดยใช้สิ่งที่ตัวเองรักเป็นหลัก และสนุกกับการทำงานชิ้นนั้นๆ ในระหว่าง จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้นด้วย
2. หารางวัลดีๆ มาจูงใจ
เพราะการเรียนจนจบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามารถทำได้ในไม่กี่ขั้นตอน เราต้องเจอกับความยากลำบาก ความผิดหวังระหว่างทางมากมาย การสร้างแรงจูงใจภายนอกอย่างรางวัลดีๆ เมื่อทำเป้าหมายระยะสั้น และระยะกลางสำเร็ต จะเป็นตัวช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ดีทีเดียว
คุณอาจจะใช้กิจกรรมที่คุณอยากทำสักครั้งในชีวิต แต่ไม่เคยทำมาเพิ่มแรงจูงใจให้ตัวเองก็ได้ เช่น สัญญากับตัวเองว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศ หากสอบมิดเทอมได้คะแนนท็อปของกลุ่ม แต่ควรระวังว่าการให้รางวัลตัวเองโดยใช้ “ปริมาณ” และ “ความเร็ว” แทน“คุณภาพ” ของงานที่ทำ และระวังรางวัลที่ทำลายเป้าหมายในระยะยาวของคุณ โดยเฉพาะการปล่อยให้ตัวเองหยุดพักนานเกินไป จนทำให้ลดความจริงจังกับเป้าหมาย และค่อยๆ เลิกล้มความตั้งใจในที่สุด
นอกจากรางวัลแล้ว รู้หรือไม่ว่าคนทั่วไปอย่างเราๆ นั้นเกลียดความสูญเสียผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่สุด เทียบกันระหว่างการเสียเงิน 100 บาทและการได้เงิน 100 บาทแล้ว เราจะกระตือรือร้นขึ้นทันที เพื่อไม่ให้เราเสียผลประโยชน์นั้น นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมการสร้างบทลงโทษให้กับตัวเอง หากไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้จะเป็นหนทางที่ดีในการประสบความสำเร็จ คุณอาจจะบริจาคเงิน (ในจำนวนที่มากพอที่ตัวเองจะรู้สึกไม่อยากเสีย) ให้มูลนิธิทุกครั้ง เมื่อตัวเองเบี้ยวอ่านหนังสือ รับรองว่าคุณจะกระตือรือร้นขึ้นมาอย่างแน่นอน
3. ก้าวไปข้างหน้าแบบยั่งยืน
เคยหรือไม่? พอตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ช่วงแรกๆ ก็กระตือรือร้น แต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็หมดไฟกลางทางไปแบบดื้อๆ ซึ่งมีงานวิจัยที่สอดคล้องกับนิสัยแบบนี้ของผู้เรียนมาก โดยเขาทำการศึกษากับชาวยิวที่มักจะจุดเทียนในวันแรก และวันสุดท้ายในช่วง Hanukkah ทั้งๆ ที่ตามประเพณีแล้วจะต้องจุดเทียนต่อเนื่องกันเป็นเวลา 8 วัน รวมถึงการศึกษาอื่นที่พบว่ามนุษย์มักจะตัดขั้นตอนตรงกลางไป แทนที่จะทำตามขั้นตอนจาก 1 ถึง 10 ตามปกติ
โดยกลยุทธ์ที่สามารถจัดการการล้มเลิกกลางทางได้ มี 2 วิธีด้วยกัน วิธีแรกคือการแบ่งเป้าหมายเป็นชิ้นเล็กให้รู้สึกว่าทำไหว จากที่คิดว่าต้องทำเล่ม Thesis ให้ดีทีเดียวในท้ายเทอม เปลี่ยนเป็นการทำแต่ละบทของ Thesis ให้เป็นไปตามเป้าหมายของเรา โดยใช้เวลามากขึ้นสักหน่อย แต่สุดท้ายแล้วการแบ่งเป้าหมายให้เล็กลงจะทำให้เราทนทานต่อการล้มเลิกกลางทางได้ดี
วิธีที่ 2 คือแทนที่จะมองว่ายังไปไม่ถึงเป้าหมายสักที ให้ลองมองให้เห็นว่าเรามาได้ไกลแล้ว และหันไปทำสิ่งที่ยังไม่สำเร็จให้สำเร็จไปเรื่อยๆ
4.รับพลังจากคนอื่น
ข้อนี้เป็นการใช้แรงกดดันทางสังคมให้เป็นประโยชน์ สาเหตุมาจากการที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ยิ่งสังคมให้คุณค่ากับสิ่งใด เราก็มักจะพัฒนาตัวเองหรือเลียนแบบพฤติกรรมรอบข้างจนตัวเองมีคุณค่าในสิ่งนั้นตามไปด้วย โดยวิธีง่ายๆ ในการรับพลังจากคนรอบข้างมีด้วยกัน 3 ข้อได้แก่
- คุยกับคนเก่ง อยู่ในกลุ่มเพื่อนที่มีความกระตือรือร้นในการเรียน และพยายามซึบซับจากวิธีการเรียนให้สำเร็จจากคนเหล่านี้ให้มากที่สุด
- แนะนำคนอื่น จากงานวิจัยของ Ayelet พบว่าคนเราจะพัฒนาตัวเองได้จากการสอนคนอื่น มากกว่าการขอให้คนอื่นสอน เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น และยังเป็นการทบทวน วางแผน สรุปความรู้ที่เป็นรูปธรรมให้ตัวเองได้ง่ายขึ้น
- คิดถึงคนที่ร่วมแชร์เป้าหมายเดียวกันอยู่ เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือพี่น้อง คุณอาจจะมีความฝันเดียวกับครอบครัวคือการยกระดับฐานะของครอบครัว การมีพลังมากขึ้นในการบรรลุเป้าหมายเพื่อให้ความฝันของครอบครัวเป็นจริง หรือผู้เรียนต่อในระดับปริญญาโทหลายท่านพบว่าตัวเองมีความกระตือรือร้นต่อการเรียนมากขึ้น เพราะต้องการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เป็นต้น
สรุป
สุดท้ายแล้ว เป้าหมายเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันให้มนุษย์ดึงเอาแรงจูงใจออกมาใช้ได้ การกำหนดเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม มีรางวัลดีๆ ให้ตัวเอง ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน และรับพลังจากสังคมรอบข้าง เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก และไม่ง่ายจนเกินไป แต่พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถทำให้คนเราเข้าใกล้ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
อ้างอิง :
https://hbr.org/2018/11/how-to-keep-working-when-youre-just-not-feeling-it