จดความรู้ได้ครบ ทบทวนใหม่ง่าย! ด้วยเทคนิคจดโน้ตแบบ Cornell

ในบรรดาเทคนิคจดโน้ตที่มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ เราขอแนะนำให้คุณรู้จักเทคนิคจดโน้ตที่ช่วยให้จดความรู้ได้ครบ สมองเข้าใจได้ไม่ยาก และทบทวนใหม่ได้ง่าย นั่นคือ วิธีจดโน้ตแบบ Cornell

Cornell Notes หน้าตาเป็นยังไง? มาเรียนรู้ไปด้วยกันได้เลย!

Cornell Notes คืออะไร?

การจดโน้ตแบบ Cornell คิดค้นขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1950 โดยศาสตราจารย์ Walter Pauk แห่งมหาวิทยาลัย Cornell ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งออกแบบมาเพื่อจัดระเบียบความคิดและเนื้อหาให้เป็นระบบ ด้วยการ Short note ให้เป็นภาษาของตัวเอง 

จุดประสงค์ของการจดแบบ Cornell คือเพื่อให้กลับมาอ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายๆ ใช้เวลาจดไม่นาน และจดจำข้อมูลได้ในระยะยาว โดยแบ่งพื้นที่สำหรับจดโน้ตอย่างชัดเจน ทำให้ข้อมูลที่ยากถูกย่อยและสรุปออกมาในภาษาของเรา ช่วยให้สมองเข้าใจเนื้อหายากๆ ได้ จำเป็นภาพและโฟกัสได้ว่าพื้นที่แต่ละส่วนมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทำความเข้าใจนาน อีกทั้งมีส่วนให้เราสรุปอีกรอบซึ่งดีต่อการทบทวนเนื้อหา 

วิธีการจดโน้ตแบบ Cornell

เริ่มต้นจดโน้ตโดยการแบ่งพื้นที่กระดาษออกเป็น 3 ส่วน โดยอาจมีส่วนที่ 4 ส่วนบนสุดของกระดาษ คือ Title/Heading สำหรับเขียนหัวข้อของเนื้อหาที่เราต้องการจด 

ส่วนที่ 1 ส่วนบนสุดของกระดาษคือส่วนสำหรับหัวข้อ

ส่วนที่ 2 คอลัมน์ด้านขวา คือ Notes พื้นที่มากที่สุดของกระดาษ สำหรับจดรายละเอียดและเนื้อหาสำคัญที่เราต้องการเน้น 

ส่วนที่ 3 คอลัมน์ด้านซ้ายคือ Cue เป็นพื้นที่ใช้จดคีย์เวิร์ด ประเด็นสำคัญ หัวข้อ คำถาม และความคิดเห็นเพิ่มเติมเมื่อได้ไปค้นหาคำตอบหรือจากเลคเชอร์ที่อาจารย์สอน

ส่วนที่ 3 พื้นที่ล่างสุดของกระดาษ คือ Summary สำหรับใช้จดสรุป หรือวิเคราะห์เพิ่มเติมหลังจากจบคลาส หรือหลังจากได้ฟังและวิเคราะห์เนื้อหาทั้งหมดอีกครั้ง

หัวใจสำคัญสำหรับการจด Cornell Notes

Cornell Notes คือการ Short Note จดให้สั้นเข้าไว้และอย่าจดทุกประโยค 

การจดโน้ตแบบ Cornell คือการ Short Note รูปแบบหนึ่งโดยการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ในการจดเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ เพราะฉะนั้นประโยคที่จดไม่ควรยาวจนเกินไป โดยจดเป็นคำหรือคีย์เวิร์ด หรือ Bullet Point ที่ย่อยเป็นภาษาของตัวเอง ลงในพื้นที่ของ Note Section (คอลัมน์ด้านขวา) สำหรับรายละเอียดและเนื้อหาทั้งหมด อาจใช้สัญลักษณ์หรือตัวอักษรย่อเพื่อประหยัดพื้นที่และประหยัดเวลาในการจด นอกจากจดโน้ตได้ง่ายขึ้นแล้ว กลับมาอ่านอีกครั้งก็สามารถเข้าใจได้ทันที 

ทำสรุปทุกครั้งและจดเป็นภาษาของตัวเองให้เข้าใจง่าย

พาร์ทของ Summary Section การทำสรุปโน้ต คือพาร์ทสำคัญที่จะบอกว่าเราเข้าใจเนื้อหานั้นมากน้อยแค่ไหน โดยเป็นการสรุปประเด็นและย่อยเนื้อหาทั้งหมดไม่กี่ประโยคในภาษาของตัวเอง พาร์ทนี้จะทำให้เราเข้าใจว่าเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับอะไร ประเด็นและใจความสำคัญคืออะไร แบบที่เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังรู้เรื่องและเข้าใจ ซึ่งพาร์ทนี้อาจสรุปหลังจบคลาสหรือหลังการวิเคราะห์เนื้อหาทั้งหมดแล้ว เป็นเหมือนการรีวิวความรู้ความเข้าใจของตัวเองอีกครั้ง

Robert J. Marzano นักวิจัยด้านการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาได้กล่าวไว้ว่า การจดบันทึกให้ได้ผลนั้น สิ่งสำคัญคือการที่ผู้จดโน้ตสามารถเรียนรู้ได้จากการสรุปด้วยตัวเอง เข้าใจความหมายของเนื้อหาอย่างลึกซึ้งและอธิบายออกมาได้ด้วยภาษาของตัวเอง 

5 เทคนิคจด Cornell Note ให้ได้ผล

เพื่อให้การจดโน้ตแบบ Cornell ได้ผลยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากการบันทึกในพื้นที่ 3 ส่วนที่แบ่งไว้ และจดสรุปให้เป็นภาษาของตัวเองแล้ว มีเทคนิคเพิ่มเติม 5 ข้อ ที่ช่วยให้ Cornell Notes ของเราได้ผล มาดูไปทีละข้อกัน!

1.Record ใช้เทคนิคและอุปกรณ์ช่วยบันทึก

ใช้อุปกรณ์ช่วยบันทึกสำหรับทบทวนและเพิ่มเติมให้โน้ตของตัวเอง เช่น เครื่องอัดเสียง ปากกาสี หรือรูปภาพประกอบที่ช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหามากขึ้นได้ รวมถึงจดโน้ตด้วยสัญลักษณ์หรือคำย่อเพื่อประหยัดเวลา ก็ช่วยให้ Cornell Note ของเราได้ผลมากทีเดียว 

2.Questions ใส่คำถามที่สงสัยเพิ่มเติม

หากจดเลคเชอร์อยู่แล้วเกิดคำถาม ถือเป็นสิ่งที่ดีมากและควรลิสต์คำถามที่สงสัยไว้ในคอลัมน์ด้านขวา ในส่วนของ Cue Section การจดคำถามช่วยให้เราเข้าใจความหมายของเนื้อหา ความเชื่อมโยงของแต่ละประเด็นได้มากขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างความรอบคอบให้ตัวเอง เราจะเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้นเมื่อได้รับความคิดเห็นเพิ่มเติมจากอาจารย์หรือผู้รู้ และเป็นการเพิ่มการจดจำในระยะยาวด้วย

3.Recite จำคีย์เวิร์ดให้ขึ้นใจ

อีกเทคนิคที่ช่วยให้ Cornell Note ได้ผลก็คือ จำคีย์เวิร์ดสำคัญให้ได้ ซึ่งสรุปเป็นภาษาตัวเองในคอลัมน์ด้านขวาของ Cue Section หากเราจำคีย์เวิร์ดสำคัญได้ ก็ทำให้เห็นภาพรวมและเข้าใจเนื้อหารายละเอียดในส่วนต่างๆตามไปด้วย เพราะเข้าใจไอเดียหลักๆเรียบร้อยแล้ว 

4.Reflect ทบทวนความรู้ด้วยคำถามสำคัญ

เราอาจจดคำถามสำคัญเพื่อให้คำตอบกับตัวเองและได้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น ซึ่งเป็นคำถามที่ผ่านการวิเคราะห์และสรุปแล้ว เช่น 

  • อะไรคือประเด็นสำคัญของข้อมูลดังกล่าว?
  • วิธีใช้ คู่มือในการเข้าถึง หรือขั้นตอนแต่ละอย่างมีอะไรบ้าง?
  • หลักการสำคัญคืออะไร?
  • มีอะไรนอกเหนือจากนี้ที่ควรรู้เพิ่มเติมอีกบ้าง?

5.Review รีวิวโน้ตอยู่เสมอ 

และเทคนิคสุดท้ายคือ หาเวลามารีวิวโน้ตของตัวเองอยู่เสมอ เช่น อัพเดทข้อมูลใหม่ๆที่ได้รู้เพิ่มเติม หรืออาจจะตัดเนื้อหาส่วนที่ไม่สำคัญหรือไม่จำเป็นออก ใส่กรณีตัวอย่างที่เป็น Best Practice สำหรับการกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง เพราะ Cornell Note นี้ไม่ใช่บันทึกเพื่ออ่านครั้งเดียวสำหรับสอบเท่านั้น แต่สามารถเป็นสรุปเนื้อหาสำคัญสำหรับอ่านกี่ครั้งก็ยังเข้าใจและจดจำได้ในระยะยาว 

สรุป

วิธีจดโน้ตแบบ Cornell นอกเหนือไปจากใช้เวลาจดที่น้อย เข้าใจง่ายและใช้พื้นที่กระดาษได้อย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว ประโยชน์ที่สำคัญของ Cornell Notes ก็คือ การสรุปเนื้อหาที่มีแต่เนื้อ เข้าถึงประเด็นได้อย่างรวดเร็วไม่ออกนอกทะเล และสามารถกลับมาอ่านอีกครั้งก็ยังรู้เรื่องและจดจำได้ในระยะยาว หากใครที่อยากประหยัดเวลามาจดโน้ตให้ได้ผลและเข้าใจได้ในทันที วิธีจดแบบ Cornell Notes ก็ถือว่าเวิร์คทีเดียว 

อ้างอิง:

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้เพื่อการโฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า