ตอนนี้คุณยังเปิดคอมเคลียร์งานอยู่หรือเปล่า?
ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบ productive อยู่ตลอดเวลาจนเหนื่อยล้า เราอยากแนะนำให้ลองกำหนดขอบเขต เพื่อดูแลไม่ให้ไฟในตัวกลายเป็น Toxic Productivity จน burn out หมดกำลังใจทำงานและเรียนรู้สิ่งใหม่
มาดูแลชีวิตให้ productive ในระดับพอดีๆ กับ 6 วิธีเลี่ยง Toxic Productivity กัน
Toxic Productivity คืออะไร
อธิบายสั้นง่าย Toxic Productivity คือความอยาก productive อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรหรือเป็นสิ่งที่คนอื่นคาดหวังให้คุณทำหรือเปล่า
6 วิธีพาชีวิตออกจากวงจร Toxic Productivity
1.กำหนดขอบเขตเวลางานหรือเวลาเรียนให้ชัดเจน
กำหนดขอบเขตและชั่วโมงทำงานให้ชัดเจนว่า เวลาไหนควรทำงานและพักผ่อน โดยเฉพาะช่วง WFH เพื่อเลี่ยงการทำงานหนักนานๆ
หัวหน้าควรเป็นแบบอย่างและส่งเสริมให้ทีมทำตามด้วย เช่น เลี่ยงตอบข้อความหลังเลิกงาน ไม่ต้องรีบตอบกลับทันทีที่เห็น Notification สนับสนุนการ Disconnect นอกเวลางาน และใช้วันหยุดอย่างคุ้มค่า
2.วางเป้าหมายบนความเป็นจริง
‘ภาวะโปรดักทีฟจนชีวิตพัง’ มักจะเกิดขึ้นเวลาที่เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายและความคาดหวังในการทำงานบนพื้นฐานของความเป็นจริง เมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด ก็จะ ‘ผิดหวัง’ ในตัวเอง
ลองใช้เทคนิค SMART เซ็ตเป้าหมายที่ทำได้จริง ดังนี้
- Specific: กำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง อธิบายสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จอย่างเจาะจงและชัดเจน (เริ่มจากตั้งคำถาม ใคร อะไร เมื่อใด และทำไม)
- Measurable: มีเกณฑ์วัดความก้าวหน้าของการบรรลุเป้าหมาย
- Achievable: รู้ว่าจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร โดยคำนึงถึงเวลา แรงงาน ค่าใช้จ่ายกับผลประโยชน์ และเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ ถ้าเป้าหมายไม่มีแนวโน้มจะบรรลุผลได้จริง ควรประเมินใหม่
- Realistic: วางเป้าหมายบนความเป็นจริง และเกี่ยวข้องกับงานที่ทำ
- Time-bound: มีกรอบเวลางานกับเดดไลน์ที่ชัดเจน และยืดหยุ่น
3. เติมเวลาพักลงในตารางชีวิตบ้าง
การพักผ่อนจะช่วยกระตุ้น Productivity ทำให้เราโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น ลองแบ่งเวลาพักตาม 3M Framework ดู
- Macro breaks: พักครึ่งวันหรือเต็มวัน 1 ครั้ง/เดือน เช่น ไปเที่ยวแบบวันเดียวกลับ เยี่ยมครอบครัว
- Meso breaks: ทำสิ่งที่ชอบ 1-2 ชั่วโมง/สัปดาห์ เช่น เรียนดนตรี เล่นกีฬา หรือเดินยาวๆ
- Micro breaks: นั่งพัก ยืดเส้นยืดสาย หรือทำสมาธิ 2-3 นาที ทำหลายๆ ครั้ง/วัน
4. ไม่ทำอะไรเลย
คนที่ตกเป็นทาส Toxic Productivity มักกดดันตัวเองว่าจะต้องทำอะไรให้สำเร็จตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ลองหัดอยู่เฉยๆ ดูบ้าง
5. เผชิญหน้าและรับมือกับความรู้สึกที่เป็นเหตุให้ต้องทำงานหนัก
บางที Toxic Productivity ก็เกิดจากความรู้สึกเชิงลบที่คุณไม่ได้คิดถึงมัน วิธีที่จะยุติวงจรนี้ได้ คือ ทำความเข้าใจความรู้สึกนึกคิดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ซึ่งบีบให้เราต้องทำงานหนัก
การสำรวจจิตใจจะช่วยให้เรารับมือกับอารมณ์ต่างๆ ด้วยวิธีที่ใจดีกับตัวเองมากขึ้น แทนที่จะจมอยู่กับงานเพื่อมองข้ามปัญหาไป
6. ห่างๆ สมาร์ทโฟนซะบ้าง
ปัญหา Work-life balance มักเกิดจากสมาร์ทโฟน ซึ่งทำให้เราต้อง connect ตลอดเวลา เปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่นในโลกออนไลน์ และกระตุ้นให้เราใช้ชีวิตแบบ ‘โปรดักทีฟจัดๆ’ ตามไปด้วย
อ้างอิง:
https://asana.com/zh-tw/resources/toxic-productivity
https://experience.dropbox.com/th-th/resources/smart-goals
https://www.huffpost.com/entry/toxic-productivity-work_l_606655e7c5b6aa24bc60a566