ช่วงอาทิตย์นี้และอาทิตย์หน้า เรามีวันทำงานกันแค่ 4 วันต่อสัปดาห์ ถึงบางครั้งจะรู้สึกว่าทำงานไม่ทัน แต่การได้หยุด 3 วันก็น่าจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกเต็มอิ่มได้
ที่จริงแล้ว เรื่องของการทำงานแค่ 4 วัน หรือ 4-day work week เป็นอีกรูปแบบการทำงานที่ได้รับการพูดถึงและเริ่มจะนำมาทดลองทำจริงแล้วในปัจจุบัน หลังจากเราได้ลองเปลี่ยนมาทำงานแบบ hybrid แล้ว ลองมารู้จักการทำงานอีกรูปแบบที่อาจตอบโจทย์ชีวิตไม่แพ้การ work from home กัน!
4 เหตุผลที่เราควรลอง “ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์”
1.เพิ่ม productivity ลด burnout
มีหลายผลการทดลองที่ระบุว่า ถ้าทำงานน้อยลง คุณจะทำงานได้โปรดักทีฟมากขึ้น และที่จริงแล้ว รูปแบบการทำงาน 5 วันที่เราคุ้นเคยนั้น ก็เกิดขึ้นจากการที่ Henry Ford ผู้ก่อตั้ง Ford Motor พบว่าเมื่อคนลดเวลาทำงานจาก 6 วันต่อสัปดาห์เหลือ 5 วันต่อสัปดาห์ เราจะทำงานได้ดีขึ้นนั่นเอง
2.พนักงานได้สวัสดิการที่พวกเขาต้องการที่สุด
แม้เราจะถกเถียงกันมากเกี่ยวกับการทำงานทางไกลและแบบ hybrid แต่ผลสำรวจของ Wall Street Journal เมื่อต้นปี 2022 ระบุว่า การทำงานยืดหยุ่นที่ผู้คนต้องการมากที่สุดไม่ใช่การเลือกว่าจะทำงานจากที่ไหน แต่คือการเลือกว่าจะทำงานมากเท่าไหร่
และที่จริงแล้ว การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์อาจไม่ได้หมายถึงการทำงาน 4 วัน และหยุด 3 วันแบบตรงตัว เพราะสิ่งที่หลายคนต้องการจริงๆ คือ การเลือกช่วงเวลาทำงานเองได้ เพื่อที่เวลาทำงานจะได้เหมาะกับรูปแบบชีวิตของพวกเขามากที่สุด
3.ดีกับการจราจรและสิ่งแวดล้อม
การทำงาน 4 วันย่อมหมายถึงการที่ผู้คนลดการเดินทาง ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยลดการจราจรติดขัดระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน แต่ยังหมายถึงการช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นด้วย
4.ได้ใช้เวลาทำงานสร้างสรรค์และงานที่ต้องใช้ความคิด
สำหรับบางคน การทำงาน 4 วันอาจไม่ได้หมายถึงการทำงานน้อยลง แต่อาจหมายถึงการที่พวกเขาได้มีเวลามากขึ้นในการทำงานสร้างสรรค์หรืองานที่ต้องใช้ความคิดลึกซึ้ง ซึ่งต้องอาศัยช่วงเวลายาวนานที่ไม่ถูกรบกวน
และทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของข้อดีที่เราจะได้เมื่อเปลี่ยนมาใช้วิธีทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ แน่นอนว่าการทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทำได้ ชีวิตและงานของใครหลายคนอาจมีคุณภาพขึ้นกว่าเดิม
สำหรับใครที่สนใจก้าวให้ทันโลกการทำงานยุคใหม่ ลองดูรายละเอียดคอร์สของ TUXSA ป.โทออนไลน์จากธรรมศาสตร์และ SkillLane ได้ที่นี่