กว่าจะเก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คนเราต้องใช้เวลามากแค่ไหนกัน?
เราอาจเคยได้ยินมาก่อนว่ามันต้องใช้เวลามากถึง 10,000 ชั่วโมงกว่าเราจะเก่งและเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ได้ แต่ 10,000 ชั่วโมงก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ ที่เราสามารถทำได้ง่ายๆ หลายคนอาจมีท้อกันบ้างหากรู้ว่าต้องใช้เวลามากขนาดนั้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
แต่ Josh Kaufman ผู้เขียนหนังสือ The first 20 hours: How to Learn Anything…Fast! และ The Personal MBA: Master the Art of Business กำลังบอกเราว่าไม่ต้องใช้เวลามากถึง 10,000 ชั่วโมงก็เก่งได้ เพราะไม่ว่าเราอยากเรียนรู้เรื่องอะไร และไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน คนเราสามารถทำได้ในเวลาที่สั้นลงกว่าเดิมถึง 100 เท่า!
ทำไมต้องเรียนภายใน 20 ชั่วโมง?
คำตอบของ Josh Kaufman ก็คือเวลา 10,000 ชั่วโมงนั้นไม่มีจริง เพราะหากต้องเรียนในเรื่องที่ไม่ชอบ ต่อให้ผ่านไปแค่ 5 นาทีเราจะรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน แต่กลับกัน เราจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเสมอเมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบ เขาพบว่าเวลาที่เราอยากเรียนรู้เรื่องอะไรสักอย่างมากๆ เราจะไม่สนใจเรื่องเวลาเลย เพราะถ้าเราได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราสงสัยและอยากเรียนรู้มันจริงๆ เราจะหมกมุ่นอยู่กับมันด้วยความเต็มใจ และเราจะใช้เวลากับมันได้นานๆ โดยที่ไม่รู้สึกทรมานเลยสักนิด
ประกอบกับที่เขาก็มีเวลาไม่มากนักต่อวันที่จะเรียนรู้เรื่องที่สนใจได้ทุกเรื่องเป็นเวลา 10,000 ชั่วโมง เขาจึงศึกษาและพบว่าเขาสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ภายในเวลา 20 ชั่วโมงหรือ 45 นาทีต่อวัน ภายใน 1 เดือน แน่นอนว่าเขาทำสำเร็จมาแล้ว และได้เรียนรู้ทักษะใหม่มากมายหลายอย่าง จนกลายเป็น กฎ 20 ชั่วโมงที่เราสามารถทำตามได้ ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน
วิธีเรียนสิ่งใหม่ภายใน 20 ชั่วโมงเท่านั้น!
1. ย่อยทักษะใหม่ให้เป็นงานชิ้นเล็กที่จัดการได้
ขั้นแรกให้ตัดสินใจก่อนว่าอยากเรียนรู้เรื่องอะไร แล้วนำสิ่งที่จะเรียนนั้นมาย่อยให้เป็นกระบวนการเล็กๆ ที่สามารถจัดการได้ง่ายๆ ก่อน ยกตัวอย่าง หากคุณอยากลองทำขนมปังด้วยตัวเอง ก็ลองมาวิเคราะห์ดูว่าการทำขนมปังนั้นประกอบไปด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง แล้วแยกออกเป็นงานชิ้นเล็กๆ เช่น ต้องทำแป้งโดว์ก่อน จากนั้นก็ปล่อยให้แป้งฟู แล้วก็นวดแป้ง ตามด้วยการปั้นแป้งให้เป็นก้อน แล้วค่อยนำเข้าเตาอบ พอรู้ว่าแต่ละขั้นตอนต้องทำอะไรบ้างแล้ว ก็ให้ระบุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในแต่ละขั้นตอนนั้นๆ และทักษะที่ต้องมีควบคู่กันไป คุณจะเห็นว่า พอแบ่งเป็นงานชิ้นเล็กๆ แล้วมันดูทำได้ง่ายกว่า จัดการได้ดีกว่าและไม่ได้ใช้เวลาเยอะเลย
2. ค้นคว้าให้มากพอที่จะรู้ว่าแบบไหนคือไปผิดทาง
ศึกษาเรื่องที่จะเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลสัก 3-5 แหล่ง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งหนังสือหรือวีดีโอจาก Youtube ก็ได้ แต่ Kaufman บอกเพิ่มเติมว่าอย่าใช้แหล่งข้อมูลมากมายเหล่านี้เป็นข้ออ้างให้เราผัดวันประกันพรุ่ง เพราะหากเราใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือมากเกินไป หรือดูวีดีโอสอนมากเกินไป และคิดว่าต้องดูต้องอ่านให้จบก่อน เราอาจใช้เวลามากกว่าที่ควร และสุดท้ายเราก็จะเลื่อนเวลาที่เราจะลองพัฒนาทักษะนั้นๆ ออกไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นจึงต้องกำหนดขอบเขตของการหาข้อมูล เช่น หากคุณอยากเรียนรู้การทำขนมปัง ก็อาจจะตั้งเป้าการอ่านคู่มือการทำขนมปังไว้ที่ไม่เกิน 5 เล่ม หรือดูคลิปสอนการทำขนมปังไม่เกิน 3 คลิป เป็นต้น แล้วเริ่มลงมือลองทำขนมปังด้วยตัวเองดูก่อน หากผิดพลาดก็ไม่เป็นไร ก็แค่ลองทำใหม่ในวิธีที่แตกต่างจากเดิม ไม่ต้องกลัวการผิดพลาด และไม่จำเป็นต้องทำให้ออกมาสมบูรณ์ก็ได้ เพราะทุกครั้งที่ทำพัง คุณจะรู้ว่าการทำขนมปังที่ถูกวิธีนั้นเป็นอย่างไร
3. กำจัดสิ่งที่จะเป็นข้อจำกัดในการฝึกออกไป
วิธีนี้คือการปิดเครื่องมือสื่อสารหรือ Socila Media และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นตัวทำลายสมาธิของคุณออกไป เพราะสิ่งเหล่านี้คือตัวขัดขวางทำให้คุณไม่ได้เรียนรู้พัฒนาทักษะที่คุณต้องการ
โดย Kaufman ได้แนะนำวิธีที่ช่วยลดข้อจำกัดในการเรียนรู้จาก TEDxPenn Talk ของนักพฤติกรรมศาสตร์ Katherine Milkman ที่นำเสนอสิ่งที่เรียกว่า “การจับคู่ทำสิ่งที่ชอบ” เพื่อเอาชนะสิ่งล่อใจ ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการส่งเสริมให้คุณทำกิจกรรมที่คุณชอบควบคู่ไปกับการเรียนรู้เรื่องที่สนใจไปพร้อมกัน เช่น เปิด Podcast ที่ชอบฟังระหว่างที่อบขนมปัง ชวนเพื่อนที่ชอบนัดพูดคุยที่ร้านกาแฟมาพูดคุยกันที่บ้านระหว่างที่ฝึกโยคะไปพร้อมกัน เป็นต้น
4. ฝึกให้ได้อย่างน้อย 20 ชั่วโมง
ขั้นตอนนี้คือการเอาชนะสิ่งที่ Kaufman เรียกว่า “กับดักแห่งความผิดหวัง” ซึ่งก็คือความผิดพลาดและล้มเหลวในช่วงแรกๆ ที่มันยังยากสำหรับเราและเราอาจทำไม่ได้ในครั้งแรก ที่ทำให้ใครหลายคนท้อใจและไม่อยากพยายามต่ออีกแล้ว แต่ Kaufman บอกว่า หลังจากที่เราทำพังและรู้สึกเฟล ให้ยอมรับกับตัวเองว่าเราทำพลาด แต่ก็ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งล้มเลิกถอดใจ แค่ลองทำใหม่ ทำให้แตกต่างจากเดิมทีละน้อย ทำมันต่อไป 20 ชั่วโมง หลังจากนั้นคุณจะประหลาดใจกับผลลัพธ์ของคุณที่เก่งขึ้น และเชี่ยวชาญมากขึ้น และมันก็ยืนยันความทุ่มเทและตั้งใจของคุณในเวลา 20 ชั่วโมงนี้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ
อ้างอิง:
- ideas.ted.com
- หนังสือ THE FIRST 20 HOURS : HOW TO LEARN ANYTHING… FAST! (Josh Kaufman)