The Apple Model สูตรลับที่ทำให้ Apple เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม

Apple คือบริษัทเทคโนโลยีที่เป็นเจ้าของนวัตกรรมเปลี่ยนโลกมากมาย การโตขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ด้านนวัตกรรมอาจประกอบด้วยหลายปัจจัย แต่มีหนึ่งในนั้นที่ทั้งสำคัญและน่าสนใจมากสำหรับการทำธุรกิจ

นั่นคือ โครงสร้างองค์กรของ Apple ที่คิดมาอย่างดีและไม่เหมือนใคร  

เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อ Steve Jobs ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple หวนกลับมาบริหารองค์กรอีกครั้งในปี 1997 แล้วลงมือเปลี่ยนแปลงองค์กรครั้งใหญ่ จน Apple กลายเป็นองค์กรที่เหมาะสมกับการสร้างนวัตกรรมเป็นที่สุด 

Jobs ทำอะไรกับองค์กรแห่งนี้บ้าง? คำตอบรอคุณอยู่ในเนื้อหาด้านล่างแล้ว 

การปรับโครงสร้างองค์กรให้มีแค่ One P&L (One Profit and Loss Statement) 

ในอดีต Apple มีโครงสร้างเหมือนที่หลายองค์กรเป็นอยู่ คือให้แต่ละแผนกมีเป้างบกำไรขาดทุน หรือ Profit and Loss Statement (P&L) ของใครของมัน 

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้จัดการของแต่ละแผนกต่างก็โฟกัสแต่เรื่องรายได้ที่ได้ลงทุนไป กับผลกำไรที่ได้มาของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองดูแลอยู่เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นการโฟกัสที่เป้าหมายระยะสั้น แต่ไม่ได้มองในเชิงประโยชน์ระยะยาวของบริษัท

สิ่งที่ Steve Jobs ทำเมื่อกลับเข้า Apple มาคือ เขารื้อโครงสร้างองค์กรใหม่ให้มีแค่ P&L เดียว หรือพูดอีกอย่างคือ งบการเงินของทุก Business Units จะถูกรวมให้เป็นงบกำไรขาดทุนโดยรวมของทั้งองค์กร 

ตอนนี้ถ้าคนในองค์กรอยากจ้างพนักงานเพิ่มเพื่อให้การออกแบบคอมพิวเตอร์ Mac รุ่นใหม่ลุล่วงด้วยดี พวกเขาก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวแล้วว่าจะตัดงบแผนกส่วนไหนมาเป็นค่าจ้างพนักงานใหม่ดี  

การปรับองค์กรให้เป็น One Functional Organization 

นอกจากปรับเรื่องการเงินไม่ให้แต่ละแผนกมัวแต่โฟกัสที่กำไรระยะสั้นของตัวเอง อีกเรื่องที่ Jobs ลงมือเปลี่ยนแปลงคือ การทำให้ Apple เป็น one functional organization 

เหล่า senior vice presidents ของ Apple จะมีหน้าที่รับผิดชอบแบ่งตาม function ไม่ใช่ตามผลิตภัณฑ์แต่ละตัว นอกจากนั้น บริษัทยังไม่ได้มีผู้จัดการแผนกที่เป็น general manager แบบที่เราเห็นทั่วไป  (สิ่งที่ Jobs ทำตั้งแต่ปีแรกของการเป็น CEO ก็คือ การไล่ผู้จัดการแผนกที่มีอยู่เดิมออก) แต่บริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน หรือคนที่มี functional expertise เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ และวิศวกร โดย Apple เชื่อว่า คนที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านควรมีสิทธิ์ตัดสินใจในด้านที่ตัวเองถนัด เพราะองค์กรต้องอาศัยความรู้ของผู้เชี่ยวชาญเพื่อแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการ disrupt สูง และเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าตามที่สัญญาไว้ 

ด้วยการเน้นบริหารจัดการองค์กรตามฟังก์ชั่น Apple จึงกลายเป็น functional organization เต็มรูปแบบ ตั้งแต่ยุคสมัยของ Jobs จนถึงปัจจุบันที่บริษัทขยายใหญ่โตขึ้นอีกหลายเท่า

และนับจากวันที่องค์กรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้  Jobs ก็คาดหวังให้คนทำงานระดับผู้จัดการของ Apple ทุกคนมีคุณสมบัติผู้นำ 3 อย่างด้วยกัน 

1.Deep Expertise : เป็นผู้เชี่ยวชาญที่รู้ลึกรู้จริง

ผู้นำของ Apple ควรเป็นคนรู้ลึกรู้จริง เพราะที่นี่เป็นองค์กรที่ experts lead experts คุณสมบัตินี้จะทำให้เขามีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในงานที่ทำได้

2.Immersion in the detail : ใส่ใจในรายละเอียด

หนึ่งในหลักการของ Apple คือ ผู้นำควรรู้รายละเอียดองค์กรไล่ลงไปอีก 3 ระดับ เพราะนี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจระดับสูงที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และทำงานกันแบบข้ามแผนก

3.Willingness to collaboratively debate : เต็มใจที่จะร่วมถกเถียงแลกเปลี่ยน

การร่วมกันถกเถียงแลกเปลี่ยนอย่างเต็มใจเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญ เพราะผลิตภัณฑ์ของ Apple ต้องอาศัยการร่วมมือร่วมใจกันอย่างสูงในการสร้างสรรค์ 

การปรับตัวเมื่อองค์กรเติบโต

วิธีจัดการองค์กรที่เฉียบคมของ Jobs ทำให้ Apple กลายเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรมและประสบความสำเร็จมามากกว่า 20 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อเติบโตขึ้น องค์กรนวัตกรรมแห่งนี้ก็ต้องรับมือกับความท้าทาย และต้องปรับตัวจากรากฐานที่ Jobs วางเอาไว้ให้

ในวันนี้ หน้าที่สำคัญสำหรับ CEO ของ Apple คือ การจัดสรรว่าจะแบ่งแผนกอย่างไรให้เอื้อต่อการทำงานร่วมกันและการตัดสินใจที่รวดเร็ว และ Apple ยังคงจำกัดจำนวนคนที่อยู่ในตำแหน่งระดับสูงเพื่อรักษาวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันเอาไว้ แต่ขณะเดียวกัน ผู้นำซึ่งตอนนี้ต้องนำทีมที่ใหญ่กว่าเดิม และยากที่จะรู้ลึกรู้จริงในทุกรายละเอียดองค์กรแบบเมื่อก่อน ก็ต้องเปลี่ยนมาเลือกโฟกัสในสิ่งที่สำคัญ (บางอย่างอาจเป็นสิ่งที่ถนัดอยู่แล้ว และบางอย่างต้องเรียนรู้เพิ่ม)  และจ่ายงานที่ไม่สำคัญขนาดนั้นให้คนอื่นต่อไป

Structure follows Strategy-ประโยคนี้เป็นความจริงเสมอ และเมื่อ Apple เป็นองค์กรที่วางรากฐานมาอย่างดีจากผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และมีการปรับเปลี่ยนตามความท้าทายในแต่ละช่วงเวลา ก็ไม่น่าแปลกใจที่องค์กรนี้จะเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่ยังคงเติบโตสู่อนาคต

อ้างอิง :

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้เพื่อการโฆษณา

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save