แม้ว่าสถานการณ์ COVID-19 ในหลายประเทศจะกลับมาดีขึ้นจนแทบเป็นปกติ แต่บริษัทน้อยใหญ่ยังคงปรับนโยบายการเข้าออฟฟิศให้ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับโรคระบาดที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อ หลายๆ องค์กรสนับสนุนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work from home) และสลับกันเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละครั้ง หรือทุกๆ 2 สัปดาห์
การทำงานแบบ Hybrid จึงเป็นที่นิยมมากขึ้น เพื่อให้คนที่ Work from home และคนทำงานในออฟฟิศสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังเจอปัญหาพื้นฐานอย่างการสื่อสาร หลายคนหมดแรงไปกับการประชุม Zoom ทั้งวัน จนไม่มีเวลาจัดการงานของตัวเอง
แล้วรูปแบบการทำงานที่จะตอบโจทย์ทุกฝ่ายควรจะเป็นแบบไหน?
ไบรอัน เชสกี ซีอีโอแห่ง Airbnb แพลตฟอร์มที่ให้บริการจองและเช่าที่พัก ได้ส่งอีเมลถึงพนักงานบริษัทไปทั่วโลกว่า บริษัทได้ออกแบบรูปแบบการทำงานใหม่ ประกอบด้วย 5 ข้อหลักๆ คือ
- พนักงานสามารถทำงานที่บ้าน หรือออฟฟิศก็ได้
- พนักงานสามารถย้ายไปทำงานในเมืองไหนก็ได้ในประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่ และได้รับค่าตอบแทนเหมือนเดิม โดยเริ่มที่สหรัฐอเมริกา
- เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน พนักงานสามารถไปเที่ยวและทำงานจากที่ไหนก็ได้ทั่วโลกนับตั้งแต่กันยายนเป็นต้นไป (พนักงานต้องจัดตารางเวลาตาม Time Zone ของตัวเองให้ไม่กระทบกับคนอื่น ระบุที่อยู่สำหรับการออกเอกสารกำกับภาษีและเงินเดือน)
- การประชุมจะยังมีอยู่ตามปกติ แต่เป็นแบบ ‘Gathering’ ที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อระดมไอเดียหรือสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
- ทุกคนจะทำงานประสานกันอย่างเต็มรูปแบบ
จากอีเมลฉบับเต็ม และการให้สัมภาษณ์กับสื่อใหญ่อย่าง Time เราได้ถอดใจความสำคัญและมุมมองของไบรอัน เชสกี ที่มีต่อการทำงานในอนาคต ซึ่งอาจมีประโยชน์สำหรับธุรกิจอื่นๆ ไม่มากก็น้อย
More Flexibility: เพิ่มความยืดหยุ่น รับความท้าทาย
หลังจากเผชิญกับวิกฤติ COVID-19 อย่างหนักหน่วงมาตลอด 2 ปี Airbnb ต้องปลดพนักงานจำนวนมากเพื่อประคองธุรกิจให้รอด เช่นเดียวกับธุรกิจอีกมากมายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ยังเหลือรอดจากวิกฤติดังกล่าว การฟื้นตัวเป็นเรื่องยาก มีรายงานมากมายที่คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาจไม่สามารถกลับไปจุดเดิมก่อนเกิดโรคระบาดได้อีก
เชสกีตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 ที่บริษัทเริ่มฟื้นตัวนั้น 20% การจองที่พักอาศัยผ่าน Airbnb เป็นการจองแบบอยู่นานกว่า 1 เดือน โดยครึ่งหนึ่งนั้นอยู่นานเกิน 1 สัปดาห์
นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเทรนด์การทำงานแบบ Remote working กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น แค่มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่เหมาะสม คุณจะทำงานที่ไหนก็ได้ โดยที่ปริมาณและคุณภาพของงานไม่ตกหล่นไปจากเดิม (แน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับทุกอาชีพ)
เป็นไปได้ว่าอนาคตของธุรกิจการท่องเที่ยวก็คือ การทำงานนั่นเอง
การประกาศรูปแบบการทำงานใหม่ของ Airbnb ไม่ได้เจาะจงไปที่พนักงานบริษัทตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบริษัทอื่นๆ ว่านี่คือแนวโน้มของการทำงานในอนาคต
เชสกีออกแบบวัฒนธรรมการทำงานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น พนักงานมีสิทธิ์เลือกว่าจะทำงานที่ไหนก็ตามที่สะดวกและทำให้ productive เช่น ย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัว หรือแม้แต่ไปเที่ยวต่างประเทศ นโยบายใหม่นี้จะทำให้พนักงาน Airbnb สามารถไปอยู่ต่างประเทศและทำงานไปด้วยได้เป็นเวลานาน 90 วัน หรือ 3 เดือนต่อปี ด้วยเชื่อมั่นว่าความยืดหยุ่นจะช่วยปลดล็อกศักยภาพคนได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิดหรือการสร้างสรรค์นวัตกรรม และทำให้การทำงานเป็นเรื่องสนุกขึ้น นอกจากนี้ยังมองว่าคนเก่งๆ จะไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในคอมมูนิตี้ใกล้ออฟฟิศ และเดินทางไปตามที่ต่างๆ เป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็น Talent Pool ที่กระจายตัวจากเมืองใหญ่ไปสู่วงกว้างขึ้นในอนาคต
More Human Connection: ความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เทคโนโลยีทำให้การทำงานสะดวกขึ้นก็จริง แต่มันก็ทดแทนบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไม่ได้ เช่น การได้พบปะเจอกันต่อหน้า ได้เห็นว่าเพื่อนร่วมงานของเราทำอะไรไปแล้วบ้างและกำลังจะทำอะไร หรือแม้แต่สุมหัวแก้ปัญหาไปด้วยกัน แม้ว่า Airbnb จะปรับการทำงานให้ยืดหยุ่น สนับสนุนให้พนักงานไปเที่ยวเปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อชาร์จพลัง แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นแก่นของวัฒนธรรมองค์กร เชสกีและทีมปฏิบัติการได้เตรียมแผนว่าในปีนี้ พนักงานจะได้มาเจอกันนอกสถานที่และตามโซเชียลอีเวนท์ต่างๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกคน
ซีอีโอ Airbnb ได้ให้สัมภาษณ์กับ Time ว่า ‘ออฟฟิศ’ ที่เราเคยรู้จักกันนั้นเป็นสิ่งตกยุคไปแล้ว มันเป็นงานออกแบบจากปี 1950 ซึ่งเกิดก่อนยุคดิจิทัล (pre-digital age) ดังนั้นรูปแบบการทำงานควรจะสอดรับกับยุคสมัยด้วย
“ถ้าไม่มีออฟฟิศแล้ว เราจะสร้างมันขึ้นมาไหม และจะสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร” เชสกีตั้งคำถาม เขามองว่าทุกวันนี้ผู้คนยังคงต้องไปสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล แต่ออฟฟิศจะมีความหมายอะไร ในเมื่อเราสามารถเข้าไปนั่งทำงานในร้านกาแฟได้
นั่นไม่ได้แปลว่า ‘พื้นที่เชิง physical’ ไม่จำเป็น เขาเชื่อว่าที่สุดแล้วผู้คนไม่ได้อยาก Work from home และประชุมผ่าน Zoom ไปตลอด มนุษย์ยังคงต้องการสิ่งที่เรียกว่า “Human Connection” นั่นคือ การพบปะ พูดคุย และมีปฏิสัมพันธ์กันในชีวิตจริง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ อนาคตของโลกการทำงานอาจเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและวิกฤติปัญหาสุขภาพจิต
การออกแบบออฟฟิศที่จะตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดได้ จึงครอบคลุมตั้งแต่จุดประสงค์ของการเข้าออฟฟิศ การออกแบบพื้นที่ที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน ไปจนถึง ‘โมเมนต์’ ที่ทุกคนจะได้แชร์ร่วมกัน แทนที่จะเข้าไปนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือประชุมแบบเดิม ก็หันมาเน้นเรื่อง collaboration มากขึ้น และเปิดโอกาสทุกคนได้ขบคิดและใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานอย่างเต็มที่
Work in a Highly Coordinated Way ประสานงานทุกส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ว่าจะเป็น Work from home ระบบ Hybrid หรือ Flex สิ่งที่จะช่วยให้การทำงานอย่างยืดหยุ่นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ก็คือ โครงสร้างและการประสานงานที่ดี ตั้งแต่การจัดปฏิทินงานอีเวนท์บริษัท วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ ไปจนถึงโร้ดแมปของธุรกิจในอีกหลายปีข้างหน้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยไม่ให้ธุรกิจยืดหยุ่นเกินไปจนหลงทาง คนทำงานก็สามารถก้าวไปพร้อมกันด้วย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากทัศนะของไบรอัน เชสกี ซีอีโอ Airbnb หนึ่งในหัวหอกผู้ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตจากสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นมาสู่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และร่วมกันฝ่าวิกฤติโรคระบาดมาได้
อ่านอีเมลฉบับเต็มได้ที่นี่
อ้างอิง:
- บทสัมภาษณ์ “‘The Office As We Know It Is Over,’ Says Airbnb CEO Brian Chesky” จาก Time
- บทความ “In 5 Bullet Points, Airbnb Has Cracked the Code on Hybrid Work” จาก Inc
- บทความ “Airbnb CEO Brian Chesky, who recently announced that employees could work from home forever, calls the office an ‘anachronistic form’ and ‘from a pre-digital age’” จาก Business Insider
