เวลาเหนื่อยล้า คุณเลือกที่จะพักผ่อนด้วยวิธีไหน?
หลายคนอาจเลือกนอนเยอะๆ แต่บางครั้ง เราก็รู้สึกได้ว่ายังไม่หายเหนื่อยอยู่ดี นั่นเพราะที่จริงแล้ว การพักผ่อนมีหลายประเภท ไม่ได้มีแค่การนอนเท่านั้น
มาพักเหนื่อยให้ตรงจุด ด้วยการเข้าใจนิยามและความหมายของการพักผ่อนทั้ง 7 ประเภทกัน!
1.พักผ่อนร่างกาย (physical rest)
การพักประเภทแรกคือ การพักผ่อนทางกาย ซึ่งยังแยกย่อยได้อีก 2 แบบคือ แบบ Passive ที่หมายถึงการพักแบบไม่ต้องออกแรงหรือเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การนอนและการงีบ อีกแบบคือ แบบ Active ที่ให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกผ่อนคลาย เช่น การนวด ยืดเส้น หรือทำโยคะ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อรวมถึงระบบไหลเวียนภายในร่างกาย
2.พักผ่อนใจ (mental rest)
ทำไมเราต้องพักผ่อนทางใจ?
เหตุผลก็เพราะนอกจากเราใช้ร่างกายทำงานหนักในหนึ่งวันแล้ว ใจของเราก็ต้องรองรับความคิดและความรู้สึกต่างๆ ซึ่งทำงานหนักไม่แพ้กัน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น เราเริ่มต้นวันทำงานด้วยกาแฟทุกเช้าเพื่อช่วยให้ทำงานได้อย่างจดจ่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถโฟกัสงานได้ดีพอ อีกทั้งยังขี้หลงขี้ลืม อารมณ์เสียและหงุดหงิดง่ายอยู่บ่อยๆ จึงพยายามนอนให้มากที่สุดเท่าที่มีโอกาส แต่เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็รู้สึกว่านอนไม่พอ วิตกกังวลและเครียดอยู่ดี นั่นเป็นเพราะ เราพักผ่อนแค่ทางกาย แต่ขาดการพักผ่อนทางใจนั่นเอง
ข่าวดีก็คือ เราไม่จำเป็นต้องลาออกหรือลาไปพักร้อนยาวๆ เพื่อให้ใจได้พัก เพราะเราสามารถพักผ่อนทางใจได้ทุกวันถ้ารู้วิธี ซึ่งก็คือการกำหนดช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อพักเบรคทุก 2 ชั่วโมง โดยเป็นการเบรคที่เตือนให้ตัวเองได้พักจากทุกสิ่งที่รบกวนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์หรือเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวัน
3.พักผ่อนประสาทสัมผัส (sensory rest)
เพราะในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอสิ่งเร้าที่ทำให้เราต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือ หรือบทสนทนาจากเพื่อนร่วมงาน สิ่งเร้าเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกท่วมท้นไปด้วยข้อมูล และนานเข้าก็ส่งผลให้เกิดความรู้สึกล้าทั้งกายและใจ เพราะใช้งานประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไปโดยไม่เคยพักนั่นเอง วิธีแก้ก็คือ การพักผ่อนทางประสาทสัมผัส ซึ่งอาจเป็นวิธีง่ายๆ เช่น พยายามพักสายตาบ่อยๆเวลาที่รู้สึกว่าจ้องหน้าจอมากเกินไป หรือปิดแจ้งเตือนทุกชนิดเมื่อเลิกงาน เพื่อให้ประสาทสัมผัสของเราได้พัก หลังจากที่ต้องตื่นตัวมาทั้งวันแล้ว
4.พักผ่อนแบบสร้างสรรค์ (creative rest)
สำหรับการพักประเภทนี้ ถือเป็นการพักที่สำคัญสำหรับคนที่ต้องทำงานด้านการใช้ความคิด หรือทำงานด้าน Creative ที่ต้องหาไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะไอเดียมักจะมาโดยไม่รู้ตัว และส่วนมากแล้วไอเดียจะไม่ค่อยเกิดเวลาที่เราตั้งใจมากเกินไป หรืออยู่ในบรรยากาศที่ไม่สบาย
การพักผ่อนทางความคิดคือ การหยุดใช้ความคิดสักพัก พักจากความจริงตรงหน้าสักครู่ หรือพักจากอะไรก็ตามที่อาจทำให้เกิดความเครียดและกดดัน โดยอาจเป็นการออกไปสัมผัสธรรมชาติข้างนอก ชมงานศิลปะ หรือเปลี่ยนบรรยากาศสถานที่ทำงานให้น่าทำงานมากขึ้น เช่น ตกแต่งด้วยต้นไม้ รูปภาพงานศิลปะ หรือเปลี่ยนสีไฟให้ดูสบายตา เพราะอย่าลืมว่า งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ จะเกิดขึ้นได้ยากมาก ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานทุกวัน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มันจะเกิดไม่ได้เลยถ้าไม่แบ่งช่วงเวลาให้พักผ่อนทางความคิดบ้าง
5.พักผ่อนอารมณ์ (emotional rest)
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเกรงใจคนอื่นเสมอ กลัวจะมีปัญหา ไม่กล้าปฏิเสธ หรือมักจะตอบตกลงไว้ก่อนแม้ว่าอยากปฏิเสธมากแค่ไหนก็ตาม และทุกครั้งที่ตอบไปก็นำมาซึ่งความลำบากใจในภายหลัง หากรู้สึกแบบนี้แปลว่าคุณอาจต้องการพักผ่อนทางอารมณ์บ้างแล้ว ซึ่งก็คือการพยายามจริงใจกับตัวเองให้มากที่สุด หาเวลาอยู่กับตัวเอง ทำความเข้าใจและแสดงความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งใช้ความกล้าหาญไม่น้อยแต่ก็เป็นผลดีต่อตัวเอง เพราะการพยายามทำให้คนอื่นสบายใจตลอดเวลานั้นเป็นงานที่เหนื่อยมาก เอาเวลามาทำให้ตัวเองสบายใจบ้างย่อมดีกว่า
6.พักผ่อนจากสังคม (social rest)
ช่วงเวลาที่เราต้องการพักผ่อนทางสังคมเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกเหนื่อยมากจากการเข้าสังคมในกลุ่มที่แตกต่างจากเราเกินไป หรือกลุ่มคนที่ชวนให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่สบายใจ ทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยที่ต้องฝืนตัวเองหรือปรับตัวให้พยายามเข้ากันได้ วิธีที่แนะนำคือ ปล่อยให้ตัวเองได้มีเวลาพักผ่อนจากสังคมบ้าง
การพักนี้ไม่ได้มีแค่การปลีกวิเวกไปอยู่คนเดียว แต่เอาตัวเองไปรายล้อมในกลุ่มคนที่คอย Support และสร้างแรงบันดาลใจ ก็ช่วยให้เราได้พักผ่อนหรือ Detox จากสังคมที่เป็นพิษ ที่ทำให้เราเหนื่อยได้วิธีนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกออนไลน์เช่นกัน เช่น การเปลี่ยนจากโทรคุยธรรมดาเป็นวีดีโอคอลแบบเห็นหน้า ก็ช่วยให้โฟกัสกับคนที่คุยด้วยได้ดีขึ้น และไม่ต้องเหนื่อยจากการพยายามสื่อสารกันทางไกล
7.พักผ่อนจิตวิญญาณ (spiritual rest)
การพักประเภทสุดท้ายคือ การพักผ่อนทางจิตวิญญาณ ซึ่งหมายถึงการเชื่อมโยงทั้งร่างกาย จิตใจและความรู้สึกจากภายในเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในเรื่องความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม, ความรู้สึกรัก, การยอมรับในตัวเอง รวมไปถึงเป้าหมายของตัวเอง และเพื่อให้รู้สึกได้พักผ่อนทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ให้ลองเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า อาจเป็นที่พึ่งทางจิตใจ เช่น ศาสนา กิจกรรมต่างๆในชุมชน หรือการสวดมนต์ ทำสมาธิ โดยทำให้สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับกิจวัตรประจำวันของเรา ก็ช่วยให้ได้พักผ่อนทางจิตวิญญาณ หรือพักผ่อนจากการเป็นตัวเองชั่วคราวได้บ้างนั่นเอง
อ้างอิง: