ในยุคที่ Design Thinking กลายเป็นคำฮิตที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงกันบ่อยครั้ง คุณเคยสงสัยมั้ยว่าเราจะหยิบเรื่องนี้มาใช้งานจริงได้ยังไง?
ลองมาดูวิธีหยิบ Design Thinking ไปใช้งานจริงกัน
3 ขั้นตอนของ Design Thinking : Heart Head และ Hand
อธิบายอย่างง่าย Design Thinking คือวิธีออกแบบทางแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ด้วยสายตาของ “นักออกแบบ” โดยมี “มนุษย์” เป็นศูนย์กลาง
ในคอร์สเรียน Design Thinking ของ TUXSA ครูเมษ์ ศรีพัฒนาสกุล ผู้สอนซึ่งเป็นหัวหน้าทีมคิดเชิงออกแบบที่ Stanford (d.school) ได้อธิบายไว้ว่า วิธีแก้ปัญหาแบบ Design Thinking มี framework อยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ เช่น ที่ Google ก็จะเป็นแบบหนึ่ง ที่ Stanford ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะมี framework หลากหลายขนาดไหน ครูเมษ์มองว่า หัวใจหลักของ process ยังคงเหมือนกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 อย่างคือ Heart Head และ Hand
Heart คือขั้นตอนที่ชวนเราถอยออกมา “เข้าใจปัญหา” เช่น เข้าใจว่า “มนุษย์” หรือ “user” ต้องการอะไรกันแน่ และเข้าใจว่าที่จริงแล้วโจทย์ปัญหาคืออะไร
Head เมื่อเข้าใจปัญหาแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการคิดหาทางแก้ปัญหาแบบ “คิดฟุ้ง” ให้ได้ไอเดียหลากหลายมาเลือกใช้
Hand ขั้นตอนสุดท้ายคือ “ลงมือแก้ปัญหา” ผ่านการนำทางแก้ที่เรามองว่าเวิร์กไปทดสอบจริง
Framework 5 ขั้นแบบ Stanford d.school
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เรามาลงรายละเอียดการหยิบ Design Thinking มาใช้งาน ด้วยการทำความรู้จัก 1 ใน framework ที่นิยมใช้กัน นั่นคือ Framework จาก Standford d.school ที่ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.Empathize
การเข้าไปทำความเข้าใจผู้ใช้ เป็นพื้นฐานของการออกแบบที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-Centered Design) เพราะปัญหาที่เราแก้มักไม่ใช่ “ปัญหาของเรา” แต่เป็น “ปัญหาของผู้ใช้”
2.Define
การรวมรวมและสังเคราะห์สิ่งที่พบจากการ emphathy แล้วสโคปลงมาเป็นโจทย์ในการออกแบบ เป็น “point of view” ที่มาจาก insight และความต้องการของ users
3.Ideate
การระดมไอเดียเพื่อเป็นทางเลือก เน้น “ออกกว้าง” ไม่ใช่ “โฟกัส”
การระดมไอเดียจะช่วยให้เราก้าวออกจากทางแก้แบบเดิมๆ ได้ใช้มุมมองและจุดแข็งของทีม ได้เจอสิ่งใหม่ ทำให้มีทางเลือกที่เยอะและหลากหลาย และลบทางแก้เดิมๆ ออกจากสมองของคุณและทีมงาน
4.Prototype
การเอาไอเดียในหัวเรามาทำเป็นต้นแบบเพื่อไปทดสอบในโลกจริง โดย “ต้นแบบเพื่อการทดสอบ” จะเป็นอะไรก็ได้ที่เป็นรูปธรรม ไม่จำเป็นต้องเหมือนจริง 100% เช่น เป็นโพสต์อิทแปะเรียงบนกระดาน หรือเป็นการเล่นบทบาทสมมติ
5.Test
ขั้นตอนที่จะช่วยให้เราได้ feedback เพื่อนำมาพัฒนาทางแก้ปัญหา และเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ใช้
สิ่งที่ควรรู้
ในการหยิบ Design Thinking มาใช้ทำงาน ขั้นตอนต่างๆ ด้านบนอาจจะไม่ได้เรียงแบบ 1-5 และอาจมีการวนมาทำซ้ำ เช่น ไปถึงขั้นตอนที่ 5 แล้ววกกลับมาขั้นตอนที่ 1 ใหม่ (นำ prototype ไปทดสอบแล้ววกกลับไปทำความเข้าใจผู้ใช้เพิ่มเติม)
เพราะถึงที่สุด เราไม่ได้หยิบ Design Thinking มาใช้เพื่อทำให้ครบกระบวนการแล้วจบไป แต่เราต้องการสร้างสรรค์ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่สุดนั่นเอง
สำหรับใครที่อยากเข้าใจ Design Thinking แบบเข้มข้นครบถ้วน คลิกไปเรียนคอร์ส Design Thinking ของ TUXSA ได้ที่นี่